TRENDING: สทนช.-บพท.จับมือกันปั้นหลักสูตรนักบริหารจัดการน้ำ Read More

TRENDING: รายงานเชิงนโยบายเผยแผนยุทธศาสตร์ Read More

TRENDING: CKPower เดินหน้าส่งไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน Read More

TRENDING: กทม. เตือนค่าฝุ่นกลับมาสูงอีกครั้ง 30 ม.ค. – 5 ก.พ. นี้ ย้ำงดเผา และ ร่วมจับตารถควันดำ Read More

TRENDING: Whoscall เปิดสถิติปี 2567 มิจฉาชีพหลอกข้อความ Read More

พฤษภาคม 9, 2025

ผู้ว่าธปท ชี้ไตรมาส 4 ปีนี้จะรู้ว่าศก.ไทย

ต่ำสุดแค่ไหนพร้อมกับเตือน กาสิโน จะทำให้ประเทศเทามากขึ้น

ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาสนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยกล่าวในงาน มีท เดอะเพรส ว่ายังไม่สามารถประเมินผลกระทบที่เกิดจากการขึ้นอัตราภาษีของสหรัฐ ว่าจะส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจไทยมากน้อยแค่ไหน เพราะยังไม่มีความชัดเจนแม้จะมีหลายประเทศเข้าร่วมหารือแก้ปัญหาแต่ก็ยังต้องดูในรายละเอียดอีก  สิ่งที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประเมินคือเศรษฐกิจไทยจะเข้าสู่ภาวะ วีเชฟ แบบหางยาว และกำลังเข้าสู่ระยะแรกของผลกระทบกว่าจะรู้ว่าจะส่งผลต่อความเสียหายทางเศรษฐกิจกับไทยมากแค่ไหนต้องใช้เวลาเชื่อว่าไม่น้อยกว่า ไตรมาสสี่ของปีนี้ “ที่รู้คือวิกฤติที่เกิดขึ้นครั้งนี้ความรุนแรงไม่มากไปกว่า การเกิดวกฤติปี 40 เพราะช่วงนั้นการส่งออกของไทยแย่มากจีดีพีถึงขึ้นติดลบ  แต่ในขณะนี้มีผลกระทบกับเพียง 5 อุตสาหกรรมเท่านั้นที่ได้รับผล ทั้งอิเลคโทรนิคส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ชื้นส่วนยานยนต์ อาหารแปรรูป และเครื่องนุ่งห่ม ซึ่งแต่ละอุตสาหกรรมความเดือดร้อนก็ไม่เท่ากัน ถ้ารัฐบาลจะใช้มาตรการก็ไม่ควรจะเป็นการเหวี่ยงแห ในขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทยก็อยู่ระหว่างการศึกษามาตรการที่จะช่วยกันเป็นแบบจุดๆ”

ดังนั้นมองว่า พายุที่เข้ามา คงไม่เห็นเร็ว เพราะต้องมีการเจรจา และคาดว่าจะเริ่มเห็นผลกระทบจากสงครามการค้าครั้งนี้ตั้งแต่ไตรมาส 3 ปีนี้ และ ไตรมาส 4 ที่จะเริ่มเห็นผลกระทบชัดเจนมากขึ้น แต่สิ่งที่อยากสื่อคือ ผลกระทบนี้ “ใช้เวลานาน ไม่จบเร็ว” และไม่จบใน 90 วัน การเจรจาก็คงไม่ง่าย 

ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยมองว่ากระสุนที่เรามีอยู่ในเรื่องของดอกเบี้ยท่ามกลางเศรษฐกิจที่ไม่เติบโต การส่งผ่านอัตราดอกเบี้ยหลังจากที่กนง ลดดอกเบี้ยนโยบายไปแล้วจะทำได้ยากขึ้นสิ่งที่ต้องเร่งทำคือการหาตลาดใหม่ ๆ เร่งเปิดเสรีทางการค้าหรือ FTA ให้เร็วขึ้นกว่านี้

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะมาตรการทางการคลังไม่ว่าจะเป็ฯการเพิ่มเพดานการก่อหนี้หรือการสร้างเอนเทอรเทนเมนท์คอมเพล็กซ์ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวอาจไม่ใช่ผลดี สิ่งที่เห็นชัดคือ การที่มูดี้ส์ ปรับสถานะเครดิตของไทยจากมีเสถียรภาพ เป็นติดลบ เพราะมีความกังวลในเรื่องการใช้จ่ายหรืออะไรที่ไม่สะอาด ไม่ขาว มากนัก หรือไม่ถูกต้อง  การที่เร่งผลักดันเอนเทอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ซึ่งมีคาสิโน เป็นจุดขายอาจไม่เป็นผลดี 

พร้อมกับแนะว่าจุดขายของไทยคือ เรื่องเกี่ยวกับ คุณภาพ การดูแลผู้สูงวัย เวลเนสส์ น่าจะใช้โอกาสนี้ดึงดูดนักท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้กับประเทศในระยะยาวจะดีกว่า

ส่วนเรื่องการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ค 10,000 บาททีรัฐบาลชะลอออกไปนั้น  ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยบอกว่า  ต้องขอบคุณภาครัฐที่มีการทบทวนความเหมาะสมเรื่องนี้ เพราะในยามนี้บนสถานการณ์ที่เปลี่ยน บวกกับสินค้าต่างประเทศทะลักเข้าไทยการทำนโยบายต่างๆ ต้องเน้นความคุ้มค่า และมีประสิทธิผลที่ดี ภายใต้ขีดความสามารถด้านการเงิน และการคลังมีอย่างจำกัดมากขึ้น