TRENDING: สทนช.-บพท.จับมือกันปั้นหลักสูตรนักบริหารจัดการน้ำ Read More

TRENDING: CKPower เดินหน้าส่งไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน Read More

TRENDING: CKPower เผยปี 2567 กวาดรายได้ 10,789 ล้านบาท Read More

TRENDING: Whoscall เปิดสถิติปี 2567 มิจฉาชีพหลอกข้อความ Read More

TRENDING: กทม. เตือนค่าฝุ่นกลับมาสูงอีกครั้ง 30 ม.ค. – 5 ก.พ. นี้ ย้ำงดเผา และ ร่วมจับตารถควันดำ Read More

พฤศจิกายน 14, 2023

EXIM BANK ฉลองความสำเร็จการให้บริการขึ้นทะเบียนคาร์บอนเครดิต

EXIM BANK ฉลองความสำเร็จการให้บริการขึ้นทะเบียนคาร์บอนเครดิต

ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ BCG ผลักดันตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิตของประเทศไทย

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) และนายวรพจน์ เพียรอภิธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอทโก้เมททอลเวอร์คส จำกัด (มหาชน) (CCM) ร่วมฉลองความสำเร็จในการขึ้นทะเบียนโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Program : T-VER) แบบแผนงาน (Programme of Activites : PoA) กับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (อบก.) เพื่อผลักดันตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิตของประเทศไทย ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2566

EXIM BANK เป็นสถาบันการเงินแห่งแรกของประเทศไทยที่ได้รับอนุมัติโครงการ T-VER PoA จาก อบก. รองรับการขึ้นทะเบียนคาร์บอนเครดิตของโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์หลายโครงการ จำนวน 60,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี หรือประมาณ 80 เมกะวัตต์ ระยะเวลาโครงการทั้งสิ้น 14 ปี ซึ่ง EXIM BANK ได้เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ SMEs หรือโครงการขนาดเล็กที่ไม่มีความคุ้มค่าในการขึ้นทะเบียนคาร์บอนเครดิต สามารถขอขึ้นทะเบียนเพื่อรับผลประโยชน์จากคาร์บอนเครดิตเพิ่มเติม โดย EXIM BANK เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการขึ้นทะเบียน และส่วนแบ่งที่ EXIM BANK ได้รับเป็นคาร์บอนเครดิตจากโครงการนี้จะนำไปชดเชยกับปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากกิจกรรมต่าง ๆ ของ EXIM BANK เพื่อให้บรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ต่อไป ทั้งนี้ CCM เป็นลูกค้ารายแรกที่เข้าร่วมโครงการ T-VER PoA กับ EXIM BANK ภายหลังได้รับการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อลงทุนติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าบนหลังคาโรงงาน (Solar Rooftop)

“EXIM BANK มุ่งสู่เป้าหมายการเป็น Green Development Bank จึงเริ่มต้นผลักดันให้เกิดการซื้อขายคาร์บอนเครดิต เพื่อนำไปหักลบกับมลพิษที่ปล่อย ทำให้เกิดความเป็นกลางทางคาร์บอน ควบคู่กับการสานพลังกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย สร้างระบบนิเวศครบวงจรที่จะนำไปสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรและประเทศไทยได้ตามเป้าหมาย” ดร.รักษ์ กล่าว