TRENDING: สทนช.-บพท.จับมือกันปั้นหลักสูตรนักบริหารจัดการน้ำ Read More

TRENDING: รายงานเชิงนโยบายเผยแผนยุทธศาสตร์ Read More

TRENDING: CKPower เดินหน้าส่งไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน Read More

TRENDING: กทม. เตือนค่าฝุ่นกลับมาสูงอีกครั้ง 30 ม.ค. – 5 ก.พ. นี้ ย้ำงดเผา และ ร่วมจับตารถควันดำ Read More

TRENDING: Whoscall เปิดสถิติปี 2567 มิจฉาชีพหลอกข้อความ Read More

ตุลาคม 24, 2023

สมุทรสงครามอยู่ดี วิถีชีวิตใหม่ชาวอัมพวา

โครงการสมุทรสงครามอยู่ดี สานพลังความรู้-พลังพหุภาคีปลุกชีพจร “อัมพวา”

เทศบาลตำบลอัมพวา ต่อยอดขยายผลโครงการวิจัยสมุทรสงครามอยู่ดีสู่ภาคปฏิบัติสร้างความอยู่ดีกินดีมีสุขแก่คนพื้นที่ บนฐานนิเวศวัฒธรรม สิ่งแวดล้อม และวิถีชุมชนฟื้นความมีชีวิตชีวาคืนสู่อัมพวา

รศ.ดร.เกรียงไกร เกิดศิริ รองคณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และหัวหน้าโครงการวิจัยสมุทรสงครามอยู่ดี: การขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์บนฐานนิเวศวัฒนธรรมและวิถีชีวิตชุมชน ระยะที่ 2มหาวิทยาลัยศิลปากร เปิดเผยว่าโครงการสมุทรสงครามอยู่ดี เป็นโครงการวิจัยเพื่อแสวงหาข้อมูลและพัฒนาชุดความรู้ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ บนฐานนิเวศวัฒนธรรมสิ่งแวดล้อม และวิถีชีวิตชุมชนที่ได้รับการสนับสนุนทุนวิจัย

ตลอดจนข้อแนะนำจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.)และได้รับรางวัลผลงานวิจัยดีเด่น ประจำปี 2564ภายใต้กรอบการวิจัยมหาวิทยาลัยกับการขับเคลื่อนทุนทางวัฒนธรรมเพื่อการพัฒนาเชิงพื้นที่ จาก บพท.“การขับเคลื่อนกระบวนการวิจัยของเรา เริ่มต้นจากการศึกษาค้นคว้าข้อมูลท้องถิ่นอย่างละเอียด

และลงสำรวจพื้นที่จริง ร่วมกับภาคีในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทศบาลตำบลอัมพวาองค์การบริหารส่วนตำบลบางช้าง และชุมชนบางสะแกโดยบูรณาการความรู้ข้ามศาสตร์ทั้งสถาปัตยกรรมศาสตร์-สังคมศาสตร์-มนุษยศาสตร์-วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ แล้วนำข้อค้นพบมาออกแบบเป็นชุดความรู้ ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง”

รศ.ดร.เกรียงไกร กล่าวว่า ผลลัพธ์จากงานวิจัยทำให้เกิดผลผลิต แผนที่นิเวศวัฒนธรรมและอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ท้องถิ่นที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมในพื้นที่และระบบฐานข้อมูลสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ ที่เกี่ยวเนื่องกับนิเวศวัฒนธรรม ช่างฝีมือท้องถิ่น ศิลปินตลอดจนผู้ประกอบการวัฒนธรรมในพื้นที่ซึ่งสามารถนำไปต่อยอดขยายผลการใช้ประโยชน์ในการสร้างความยั่งยืนแก่เศรษฐกิจและวิถีชุมชนได้อย่างยั่งยืน

นายกฤษฎี กลิ่นจงกล นายกเทศมนตรีตำบลอัมพวา อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม กล่าววว่าต้องขอบคุณ บพท. ตลอดจนอาจารย์มหาวิทยาลัยศิลปากรที่เข้ามาช่วยเติมเต็มในเรื่องขององค์ความรู้จากการศึกษาค้นคว้าจนเกิดเป็นผลงานวิจัย “สมุทรสงครามอยู่ดี :การขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ฐานนิเวศวัฒนธรรมและวิถีชีวิตชุมชน” และส่งผลทำให้เทศบาลของเรามีองค์ความรู้ในการฟื้นฟูจิตวิญญาณของอัมพวาให้กลับมามีชีวิตชีวาได้อย่างมั่นใจและสามารถขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองได้เร็วขึ้น

“งานวิจัย “สมุทรสงครามอยู่ดี” ที่ทางเทศบาลได้นำไปต่อยอดมีด้วยกัน 2 เรื่องสำคัญได้แก่การท่องเที่ยวทางน้ำ และงานด้านศิลปวัฒนธรรม โดยในส่วนของการท่องเที่ยวทางน้ำช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้จะมีการฟื้นเรื่องตลาดน้ำ ตลาดเรือขึ้นมาใหม่พร้อมกับมีแผนสร้างคนพายเรือให้ตลาดน้ำในอนาคตด้วย

และได้ให้นโยบายกับโรงเรียนว่าเด็กอัมพวาต้องว่ายน้ำได้พายเรือเป็น ขณะเดียวกันสมุทรสงครามอยู่ดีฯยังช่วยปูทางผลักดันคลองบางจากทำให้เกิดกิจกรรมนักท่องเที่ยวมาพายเรือเก็บขยะแล้วเราก็นำไปต่อยอดโดยการนำเด็กนักเรียน ป.5 ป.6ออกมาเก็บขยะและเกิดเป็นกิจกรรม “พายไปกิน พายไปชิม พายไปอนุรักษ์”จนเกิดเป็นอาชีพมัคคุเทศก์น้อย”

นายกเทศมนตรีตำบลอัมพวา กล่าวด้วยว่า โครงการ “สมุทรสงครามอยู่ดีฯ”ยังถูกนำไปต่อยอดทำให้เกิดกิจกรรมใหม่คือการพายเรือไปชมหิ่งห้อยซึ่งจะไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อหิ่งห้อยเหมือนเช่นเรือยนต์ โดยเราตั้งเป้าไว้ที่คลองบางจากเพราะอยู่ใกล้อัมพวา

แล้วมีต้นทุนที่ดีด้วยทั้งเรื่องอาหาร ขนม บ้านสวน โรงเจ ตรงนั้นก็จะดูเมืองได้ 360 องศาเลยประการสำคัญคลองบางจากมีสตอรี่ไม่แพ้คลองอัมพวา เป็นอีกตลาดที่คู่กับตลาดน้ำอัมพวาแต่ไม่มีใครรู้มีโรงเลื่อย มีชาวบ้านมีร้านทองในคลองบางจาก

“โครงการสมุทรสงครามอยู่ดีฯ โดยมหาวิทยาลัยศิลปากร จากการสนับสนุนทุนวิจัยของ บพท.ทำให้คลองบางจาก ได้รับการยกระดับจากรัฐบาลกำหนดให้เป็นคลองเฉลิมพระเกียรติตามนโยบายหนึ่งจังหวัดหนึ่งคลอง ซึ่งจะส่งผลให้มีงบประมาณบูรณาการเข้าไปพัฒนาอย่างเต็มที่เปิดโอกาสให้สามารถจัดกิจกรรมเกี่ยวเนื่องกับสายน้ำได้ตลอดทั้งปีและผมตั้งใจให้เรือทุกลำที่จะแล่นในคลองนี้ ต้องปลอดจากเครื่องยนต์ เพื่อเป็นการรณรงค์เรื่องสิ่งแวดล้อมและเป็นคลองปลอดคาร์บอน หรือ Net Zero”

นายกฤษฏี กล่าวด้วยว่าคุณูปการของงานวิจัยโครงการสมุทรสงครามอยู่ดียังถูกนำไปต่อยอดงานด้านศิลปวัฒนธรรมเราตั้งชมรมศิลปวัฒนธรรมอัมพวาขึ้นโดยการรวบรวมครูอาจารย์ที่รักในงานด้านศิลปะทั้งครูโขน ครูดนตรีไทยครูรำ ครูต่าง ๆ มาสอนเด็ก ๆ ในเขตเทศบาลฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย

“ผมตั้งใจประกาศให้ทุกคนรับรู้ว่า อัมพวา คือ เมืองต้นกำเนิดของรามเกียรติ์ในเมืองไทยเพราะที่นี่คือที่ประสูติของล้นเกล้ารัชกาลที่ 2 ซึ่งทรงพระราชนิพนธ์บทพระราชนิพนธ์เรื่องรามเกียรติ์โดยตอนนี้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เราจัดให้เด็กแต่งตัวเป็นโขนในรามเกียรติ์มาเดินทักทายกับชาวบ้านและเรานำตัวละครในรามเกียรติ์มาประดับไว้ในป้ายตลาดน้ำ เพื่อตอกย้ำว่าอัมพวาคือเมืองรามเกียรติ์”

ดร.ปุ่น เที่ยงบูรณธรรม รองผู้อำนวยการ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่(บพท.) กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่าผลงานวิจัยโครงการสมุทรสงครามอยู่ดีฯ ของคณาจารย์คณะนักวิจัย มหาวิทยาลัยศิลปากรเป็นผลงานที่น่าชื่นชม สามารถใช้ประโยชน์ได้จริง สอดคล้องกับเจตนารมย์การสนับสนุนทุนวิจัยของ บพท.ที่มุ่งเน้นให้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาพื้นที่ ลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำ เสริมสร้างคุณภาพชีวิต

และเศรษฐกิจฐานราก เศรษฐกิจหมุนเวียนในพื้นที่ ซึ่งพิสูจน์ยืนยันหนักแน่นจากนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลอัมพวา ที่เป็นผู้นำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์อย่างกว้างขวางที่ผ่านมา บพท. มีการสนับสนุนทุนวิจัย ผ่านกลไกเครือข่ายมหาวิทยาลัยในพื้นที่ใน 4 ภูมิภาคเพื่อหนุนเสริมกลไกในพื้นที่ในการเชื่อมความรู้จากทุนทางวัฒนธรรมไปสู่การเป็นพื้นที่สร้างสรรค์

โดยความร่วมมือกับภาคีในพื้นที่ อาทิ องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น ศิลปิน ช่างฝีมือ ปราชญ์ชาวบ้านภาคธุรกิจเอกชน ร่วมมือกันออกแบบสร้างระบบนิเวศทางวัฒนธรรมของตนเองใหม่ (Re-designingCommunity Culture) รื้อฟื้นวัฒนธรรม พัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมสมัยของคนในพื้นที่สร้างผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่าและมูลค่าสูงด้วยนวัตกรรมการสร้างสรรค์ และเกิดการสร้าง

“นวัตกรทางวัฒนธรรม” โดยเน้นการขับเคลื่อนในกลุ่มคนรุ่นใหม่ คนคืนถิ่น และช่างฝีมือท้องถิ่นช่วยกันฟื้นคุณค่าของทุนที่เป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมในพื้นที่

“ต้องขอขอบคุณอย่างยิ่งต่อท่านนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลอัมพวา..ท่านนายกฯ กฤษฏีกลิ่นจงกล ซึ่งเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขพันธุ์แท้ของพี่น้องชาวอัมพวา ที่เห็นคุณค่างานวิจัยและนำเอางานวิจัยไปต่อยอดขยายผลใช้ประโยชน์อย่างจริงจังในกระบวนการฟื้นฟูจิตวิญญาณของอัมพวาให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งและมีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะใช้ประโยชน์จากงานวิจัยไปทำให้อัมพวามีชีวิตชีวาที่ยั่งยืนบนฐานภาคีความร่วมมือกันของประชาคมชาวอัมพวา และบนฐานเศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชนอัมพวา”